นโยบายความเป็นส่วนตัวของลูกค้ากลุ่มบริษัท

นโยบายความเป็นส่วนตัวของลูกค้ากลุ่มบริษัท เจเอสเอสอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท เจเอสเอสอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“กลุ่มบริษัท”) ประกอบด้วยบริษัทในเครือ ดังนี้ 1) บริษัท เจเอสเอสอาร์ อ๊อกชั่น จำกัด 2) บริษัท บริษัท เจเอสเอสอาร์ โลจิสติกส์ จำกัด 3) บริษัท บริษัท แรพบิซซ์ ไดเรคท์ จำกัด มีจุดประสงค์แจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ที่กำหนดเกี่ยวกับสิทธิ เงื่อนไขและความจำเป็นของแต่ละบริษัทในกลุ่มบริษัท ที่ต้องเก็บ รวบรวม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าแต่ละกลุ่มของแต่ละบริษัท เพื่อรับทราบ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัย “ลูกค้า” ของแต่ละบริษัท หมายถึง บุคคลดังนี้ (1) บุคคลที่เข้าเยี่ยมชมพื้นที่ของบริษัท หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของแต่ละบริษัท และ (2) ลูกค้าที่สนใจเข้าทำธุรกรรมกับแต่ละบริษัท ดังต่อไปนี้

  • ลูกค้าของบริษัท เจเอสเอสอาร์ อ๊อกชั่น จำกัด หมายถึง ผู้ที่ (1) สนใจลงทะเบียนรับหมายเลขผู้ประมูลเพื่อเข้าร่วมการประมูล (2) เข้าร่วมการประมูลสินค้าจากบริษัท ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางช่องทางออนไลน์หรือที่บริเวณลานประมูล (3) ให้ความสนใจในการซื้อสินค้าโดยตรงกับบริษัทโดยไม่ผ่านการประมูลราคา หรือ (4) ผู้สนใจสมัครเพื่อใช้บริการด้านสินเชื่อ รวมถึงผู้ได้รับสินเชื่อจากบริษัท
  • ลูกค้าของบริษัท เจเอสเอสอาร์ โลจิสติกส์ จำกัด หมายถึง ผู้ที่ให้ความสนใจและตกลงว่าจ้างบริษัทเพื่อใช้บริการขนส่ง หรือชิปปิ้ง หรือบริการอื่นใดของบริษัทดังกล่าว และ 
  • ลูกค้าของบริษัท แรพบิซซ์ ไดเรคท์ จำกัด หมายถึง ผู้ที่ให้ความสนใจในการซื้อสินค้าหรือรับบริการจากบริษัท ไม่ว่าจะผ่านทางช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ 

ทั้งนี้ เมื่อลูกค้าเข้ามาติดต่อกับบริษัทใดในกลุ่มบริษัท และนำส่งเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่กลุ่มบริษัท เพื่อการดำเนินธุรกรรมใดในกระบวนการติดต่อซื้อขายและ/หรือใช้บริการแต่ละประเภทที่แต่ละบริษัทดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อส่งต่อข้อมูลผ่านช่องทางใด ทางกลุ่มบริษัทจะถือว่า ลูกค้าตกลงและยอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของลูกค้าฉบับนี้แล้ว

ขอบเขตบังคับใช้ของนโยบายความเป็นส่วนตัว

นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ใช้สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทใดๆในกลุ่มบริษัทโดยตรง เพื่อการดำเนินกระบวนการซื้อขายและ/หรือให้บริการ ผ่านช่องทางของกลุ่มบริษัทเท่านั้น แต่ไม่มีผลใช้บังคับกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยบุคคลภายนอกอื่นที่กลุ่มบริษัทไม่มีอำนาจควบคุม แม้จะดำเนินการเชื่อมต่อกับการให้บริการของทางกลุ่มบริษัท ซึ่งสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยบุคคลภายนอกดังกล่าว ลูกค้าต้องศึกษาและทำความตกลงเกี่ยวกับนโยบายการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บุคคลภายนอกดังกล่าวประกาศแยกต่างหาก 

ทางบริษัทสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ตามแต่ละระยะเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และรูปแบบการขายหรือการบริการของกลุ่มบริษัทที่ให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทจะแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วยการประกาศนโยบายฉบับปรับปรุงใหม่ผ่านทางช่องทางการติดต่อของกลุ่มบริษัท

การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่เข้ามาในพื้นที่สำนักงานและสาขาของกลุ่มบริษัท

กลุ่มบริษัทมีความจำเป็นในการเก็บ รวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่อาจเข้ามาภายในพื้นที่สำนักงาน สาขา หรือพื้นที่ลานประมูลของบริษัท เจเอสเอสอาร์ อ๊อกชั่น จำกัด ดังนี้

  1. ข้อมูลภาพถ่ายใบหน้าของลูกค้าที่อาจได้รับการบันทึกผ่านระบบ CCTV ของแต่ละบริษัทที่เป็นเจ้าของที่สถานที่อาจติดตั้งไว้ เพื่อจุดประสงค์การรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่ของกลุ่มบริษัท โดยกลุ่มบริษัทจะได้เก็บบันทึกข้อมูลดังกล่าวไว้เป็นระยะเวลา 90 วันหรือระยะเวลาที่จำเป็นสำหรับการดำเนินกระบวนการรักษาสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท
  2. ข้อมูลภาพถ่ายของท่าน ที่อาจมีการจัดเก็บ ระหว่างการเก็บภาพถ่ายบรรยากาศโดยรวมของกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะกรณีการเข้าพื้นที่ลานประมูลของบริษัท เจเอสเอสอาร์ อ๊อกชั่น จำกัด ทั้งนี้กรณีการถ่ายภาพรวมของกิจกรรมที่จัดขึ้นนี้ หากลูกค้าไม่ประสงค์ให้มีการถ่ายภาพของท่าน ท่านอาจต้องหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวหรือลูกค้าสามารถแจ้งจุดประสงค์ปฏิเสธการถ่ายภาพนั้นได้ ทั้งนี้ข้อมูลภาพถ่ายดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ของบริษัท ที่อาจได้รับการเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อสาธารณะต่าง ๆ ทั้งนี้บริษัทสงวนสิทธิในการใช้ประโยชน์สื่อประชาสัมพันธ์ดังกล่าวเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยรับประกันไม่ให้กระทบสิทธิของลูกค้าในฐานะเจ้าของข้อมูลมากเกินสมควร และ
  3. โดยเฉพาะกรณีลูกค้าประมูลของบริษัท เจเอสเอสอาร์ อ๊อกชั่น จำกัด และอาจรวมถึงกรณีของบริษัทอื่น รวมถึง ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่อาจให้ผ่านแบบสอบถาม ทั้งนี้ บริษัทให้อิสระแก่ลูกค้าในการให้ข้อมูลดังกล่าว ซึ่งอาจรวมถึง ข้อมูลชื่อนามสกุล และข้อมูลการติดต่อสื่อสาร (เช่น เบอร์โทรศัพท์หรืออีเมล เป็นต้น) ซึ่งบริษัทที่เกี่ยวข้องจะใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อการวิเคราะห์ความสนใจของลูกค้า ในการวางแผนปรับปรุงการให้บริการของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้บริษัทอาจดำเนินการดังกล่าวโดยการจัดทำข้อมูลดังกล่าวให้เป็นนิรนาม เพื่อการคำนวณสถิติ และสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวไว้ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นทางธุรกิจ และกรณีที่ลูกค้าให้ความยินยอม กลุ่มบริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลการติดต่อของลูกค้าที่ลูกค้าให้ผ่านแบบสอบถามดังกล่าว เพื่อใช้ในการติดต่อประชาสัมพันธ์ทำการตลาดกับลูกค้า จนกว่าลูกค้าจะถอนความยินยอม

การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมประมูลกับบริษัท เจเอสเอสอาร์ อ๊อกชั่น จำกัด

สำหรับลูกค้าที่ต้องการลงทะเบียนเข้าร่วมประมูล ไม่ว่าจะเป็นผ่านช่องทางออนไลน์หรือประมูลที่หน้าลานประมูล บริษัท เจเอสเอสอาร์ อ๊อกชั่น จำกัด มีความจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ตั้งแต่การลงทะเบียนรับหมายเลขผู้ประมูล จนถึงการส่งมอบสินค้าให้ตามเงื่อนไขการประมูล ดังต่อไปนี้

  1. ข้อมูลสำหรับลงทะเบียนเพื่อเปิดรหัสลูกค้าและการเข้าร่วมการประมูล ได้แก่ ชื่อนามสกุล ข้อมูลบัตรประชาชน ข้อมูลติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เป็นต้น และกรณีการลงทะเบียนเข้าร่วมประมูลผ่านทางออนไลน์ รวมถึงข้อมูล Username / Password ของลูกค้า
  2. เอกสารยืนยันตัวตนของลูกค้า เช่น สำเนาบัตรประชาชนของลูกค้าบุคคลธรรมดา หรือของกรรมการ หรือผู้มีอำนาจสำหรับลูกค้านิติบุคคล
  3. กรณีการเข้าร่วมประมูลผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะผ่านการลงทะเบียนหรือไม่ ข้อมูลเทคนิคที่สามารถระบุตัวตนของลูกค้าได้ เช่น IP Address หรือข้อมูลเครื่องมือที่ลูกค้าใช้สำหรับการเชื่อมต่อกับช่องทางการประมูลออนไลน์ของบริษัท และหากได้รับความยินยอมจากลูกค้า อาจรวมถึงข้อมูลคุกกี้บางประเภท
  4. บริษัทจะกำหนดจัดทำรหัสลูกค้า และหมายเลขผู้ประมูล ซึ่งจะถูกใช้เพื่อเป็นข้อมูลบ่งเฉพาะของลูกค้าแต่ละบุคคล เพื่อประโยชน์ในการอ้างอิงเพื่อการติดต่อสื่อสารประสานงานการประมูลต่าง ๆ
  5. ข้อมูลการธุรกรรมวางคำสั่งการประมูล และข้อมูลการทำรายการซื้อขาย รวมถึงการส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้า ซึ่งอาจรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าให้แก่บริษัทเพื่อจัดทำเอกสารส่งมอบกรรมสิทธิ์สินค้า เช่น ข้อมูลที่ต้องส่งต่อเปิดเผยสำหรับการ จัดทำเอกสารการจัดการพิธีการทางศุลกากร และการโอนกรรมสิทธิ์ตามแบบฟอร์มของราชการ
  6. ข้อมูลการชำระเงินค่าสินค้าหรือการวางเงินประกัน ซึ่งอาจรวมถึง ข้อมูลบัญชีธนาคาร Payment Slip หรือข้อมูลบัตรเครดิต
  7. ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่ลูกค้าอาจนำส่งให้แก่บริษัทเพื่อการซื้อสินค้า ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง หนังสือมอบอำนาจและสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ ในกรณีลูกค้าไม่ได้มารับสินค้าด้วยตนเอง หรือข้อมูลรวมถึงเอกสารอื่นที่ลูกค้าอาจต้องนำส่งและจัดส่งให้แก่ บริษัทเพื่อการดำเนินธุรกรรมการเปิดประมูล การซื้อขาย การชำระราคา และการส่งมอบทรัพย์สินและโอนกรรมสิทธิ์

บริษัทมีความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าดังกล่าวทั้งหมด เพื่อจุดประสงค์ดังต่อไปนี้

  1. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทในการบริหารจัดการงานประมูล และหน้าที่ภายใต้สัญญาซื้อขาย บริษัทย่อมมีความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามที่ระบุไว้ ทั้งนี้เพื่อการปฏิบัติสิทธิและหน้าที่ ที่รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ย่อยได้แก่ (ก) การลงทะเบียนและการยืนยันตัวตนผู้ประมูลในการทำธุรกรรมทั้งหมดในระหว่างการประมูลและการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาซื้อขาย (ข) การติดต่อประสานงานกับลูกค้าระหว่างการประมูลและตลอดระยะเวลาที่รหัสลูกค้ายังมีผลบังคับใช้ ซึ่งบริษัทกำหนดระยะเวลาของบัญชีรหัสลูกค้าไว้เป็นเวลา 3 ปี ทั้งนี้เป็นระยะเวลาที่บริษัทจะดำเนินการทบทวนประวัติลูกค้าเป็นปกติ (ค) การยืนยันสิทธิในการรับสินค้าต่าง ๆ การยืนยันการชำระราคาสินค้า การติดต่อประสานงานระหว่างการจัดส่งสินค้า ทั้งนี้เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้ตลอดระยะเวลาที่บริษัทยังมีหน้าที่ภายใต้สัญญาใด ๆ ต้องปฏิบัติให้แก่ลูกค้า และตลอดระยะเวลาการเรียกร้องใด ๆ ที่ลูกค้าอาจมีตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด
  2. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารบัญชีภาษี และการผ่านพิธีการศุลกากร บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน เอกสารแสดงตนของลูกค้า รวมถึงข้อมูลและเอกสารอื่นที่บริษัทและลูกค้าจำเป็นต้องนำส่งตามแบบฟอร์มของหน่วยงานราชการ ซึ่งในกรณีการประมวลผลข้อมูล เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามหน้าที่ในกฎหมายนี้ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวไว้ตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้
  3. เพื่อการปกป้องและใช้สิทธิหรือประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท โดยรับประกันไม่ให้กระทบสิทธิของเจ้าของข้อ มูลมากเกินสมควร บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เพื่อวัตถุประสงค์ย่อยอันชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ (ก) เพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทและลูกค้ารายบุคคล และลูกค้าในภาพรวมของบริษัท โดยบริษัทจะใช้ข้อมูลที่สอบถามจากลูกค้า และพฤติกรรมการประมูลของลูกค้าทั้งหมดเพื่อการพิจารณาวางแผนการปรับปรุงการจัดการงานประมูล การให้บริการของบริษัทให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของลูกค้า การพิจารณาทบทวนการแก้ ไขข้อร้องเรียนต่าง ๆ การป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดการงานประมูล การตรวจสอบภายใน สำหรับวัตถุประสงค์ดังกล่าวนี้ บริษัทสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าดังกล่าวไว้ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นทางธุรกิจ โดยรับประกันไม่ให้กระทบสิทธิลูกค้าผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมากเกินสมควร และ (ข) เพื่อการปกป้องและป้องกันสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ในการต่อสู้เรียกร้องสิทธิในกรณีเกิดข้อพิพาทระหว่างบริษัท และลูกค้าแต่ละท่าน ทั้งนี้เพื่อจุดประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อการปกป้องสิทธิ ภายใต้อายุความที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย
  4. กรณีที่ลูกค้าให้การยินยอมเป็นกรณีเฉพาะ บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลลูกค้า ในการติดต่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่าง ๆ ของบริษัทที่ลูกค้าอาจสนใจ สำหรับกรณีนี้บริษัทจะเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะถอนความยินยอม

การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ซื้อสินค้าโดยตรงจากบริษัท เจเอสเอสอาร์ อ๊อกชั่น จำกัด และบริษัท แรพบิซซ์ ไดเรคท์ จำกัด

สำหรับลูกค้ากลุ่มที่ซื้อสินค้าของทางกลุ่มบริษัท โดยเป็นการซื้อสินค้าโดยตรงจาก บริษัท เจเอสเอสอาร์ อ๊อกชั่น จำกัด โดยไม่ผ่านการประมูล หรือจาก บริษัท แรพบิซซ์ ไดเรคท์ จำกัด ทั้งในรูปแบบการซื้อขายแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ และในลักษณะการซื้อขายผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท หรือการซื้อขายผ่าน Marketplace ของบุคคลภายนอก กลุ่มบริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ได้แก่

  1. ชื่อนามสกุล ข้อมูลการติดต่อของลูกค้า เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เป็นต้น
  2. กรณีการซื้อขายออนไลน์อาจรวมถึงข้อมูล Username / Password ของลูกค้า และข้อมูลเทคนิคที่สามารถระบุตัวตนของลูกค้าได้ เช่น IP Address หรือข้อมูลเครื่องมือที่ลูกค้าใช้สำหรับการเชื่อมต่อกับช่องทางการซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท และหากได้รับความยินยอมจากลูกค้า อาจรวมถึงข้อมูลคุกกี้บางประเภท
  3. สำเนาเอกสารแสดงตนของลูกค้าบุคคลธรรมดา หรือของกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของลูกค้านิติบุคคล เพื่อประกอบแนบท้ายสัญญา เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง เป็นต้น
  4. ข้อมูลการชำระเงินค่าสินค้า และ/หรือการวางเงินประกัน (ถ้ามี) ซึ่งกรณีลูกค้าบุคคลธรรมดาอาจรวมถึง ข้อมูลหลักฐานการชำระเงิน บัญชีธนาคาร หรือข้อมูลบัตรเครดิต เป็นต้น  และ
  5. ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่ลูกค้าอาจให้แก่กลุ่มบริษัทเพื่อการติดต่อ ประสานงาน และการจัดทำสัญญาซื้อขายระหว่างลูกค้าและกลุ่มบริษัท

กลุ่มบริษัทมีความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าดังกล่าวทั้งหมด เพื่อจุดประสงค์ดังต่อไปนี้

  1. การจัดทำสัญญาซื้อขายหรือใบแจ้งหนี้การขาย และเพื่อการปฏิบัติสิทธิและหน้าที่ภายใต้เงื่อนไขของสัญญาซื้อขายหรือใบแจ้งหนี้การขาย ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการยืนยันตัวตนของผู้ซื้อ การยืนยันการชำระราคาของผู้ซื้อ และการติดต่อประสานงานระหว่างการจัดส่งสินค้า การส่งมอบสินค้า และการยืนยันในการรับสินค้า ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาหรือใบแจ้งหนี้โดยกลุ่มบริษัทให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว กลุ่มบริษัทมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ตลอดระยะเวลาของสัญญาที่ยังมีภาระหน้าที่ต้องดำเนินการระหว่างกลุ่มบริษัทและลูกค้าดังกล่าว และตลอดระยะเวลาที่ลูกค้ายังคงมีบัญชีผู้ใช้งาน Username / Password กับบริษัท
  2. การจัดทำเอกสารบัญชีและภาษี ซึ่งกลุ่มบริษัทอาจมีความจำเป็น ในการจัดทำเอกสารดังกล่าว โดยอ้างอิงเอกสารแสดงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยเฉพาะข้อมูลการซื้อขายและข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนของลูกค้า กรณีการออกใบกำกับภาษี โดยกลุ่มบริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม รักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้เป็นระยะเวลาตามกรอบที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด
  3. การปกป้องและใช้สิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของกลุ่มบริษัทที่อาจมีต่อลูกค้าภายใต้สัญญาซื้อขายดังกล่าว กรณีเกิดข้อพิพาทหรือการทุจริตในกระบวนการซื้อขาย ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทสงวนสิทธิ์ในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าดังกล่าวไว้เพิ่มเติมเป็นระยะเวลาตามอายุความที่เกี่ยวข้อง (สูงสุด 10 ปี) และ
  4. กรณีที่ลูกค้าให้ความยินยอม กลุ่มบริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ที่เฉพาะที่ลูกค้าให้ความยินยอมเฉพาะดังกล่าว เช่น การใช้ข้อมูล เพื่อใช้ในการติดต่อประชาสัมพันธ์ทำการตลาดกับลูกค้า จนกว่าลูกค้าจะถอนความยินยอม

การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อที่ใช้บริการด้านสินเชื่อกับบริษัท เจเอสเอสอาร์ อ๊อกชั่น จำกัด

สำหรับลูกค้าผู้ขอสินเชื่อที่ต้องการสมัครขอใช้บริการสินเชื่อเช่าซื้อกับ บริษัท เจเอสเอสอาร์ อ๊อกชั่น จำกัด บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ ตั้งแต่การสมัครขอวงเงินสินเชื่อ กระบวนการพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อ จนถึงการเข้าทำสัญญาเช่าซื้อ รวมถึงการติดตามทวงถามหนี้ ดังนี้

  1. ข้อมูลทั่วไป ข้อมูลการติดต่อ และเอกสารยืนยันตัวตนของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ ได้แก่ ชื่อนามสกุล เบอร์โทรศัพท์ อีเมล และที่อยู่ รวมถึง สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อบุคคลธรรมดา หรือของกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อนิติบุคคล
  2. ข้อมูลทางการเงินของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อบุคคลธรรมดา หรือของกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อนิติบุคคล ได้แก่ ข้อมูลแหล่งรายได้ (เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน เอกสารเสียภาษีทวิ 50 เอกสารหัก ณ ที่จ่าย สัญญาว่าจ้าง สัญญางาน หรือแหล่งรายได้อื่น) รายละเอียดบัญชีธนาคารพร้อมรายงานการเคลื่อนไหวของบัญชี ข้อมูลรายจ่าย ข้อมูลการชำระหนี้ (เช่น ใบเสร็จรับเงินชำระค่างวดรถ บ้าน หรือการชำระหนี้อื่น) ผลการตรวจสอบสถานะข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สิน เป็นต้น
  3. ข้อมูลการชำระเงินค่างวด โดยลูกค้าผู้ขอสินเชื่อบุคคลธรรมดา อาจรวมถึง ข้อมูลหลักฐานการชำระเงิน บัญชีธนาคาร เป็นต้น
  4. ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่ลูกค้าผู้ขอสินเชื่ออาจให้แก่บริษัทเพื่อการติดต่อ ประสานงาน และการจัดทำสัญญาสินเชื่อระหว่างลูกค้า/ผู้ขอสินเชื่อและบริษัท

ทั้งนี้ นอกจากการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อโดยตรงแล้ว กรณีบริษัทกำหนดมีความจำเป็นต้องจัดทำหนังสือค้ำประกัน ให้รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ค้ำประกันบุคคลธรรมดาซึ่งบริษัทกำหนดเงื่อนไขการนำส่งข้อมูลทั้งหมดเช่นเดียวกับผู้ขอสินเชื่อให้แก่บริษัทด้วย และในกรณีที่ลูกค้าผู้ขอสินเชื่อเป็นผู้นำส่งข้อมูลของผู้ค้ำประกันให้แก่บริษัท บริษัทจะถือว่า ลูกค้าผู้ขอสินเชื่อให้การรับประกันสิทธิของตนในการนำส่งและส่งต่อเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ค้ำประกันให้แก่บริษัท เพื่อการประมวลผลภายใต้นโยบายฉบับนี้แล้ว

 

บริษัทมีความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ (รวมถึงผู้ค้ำประกัน ถ้าจำเป็น) ทั้งหมด เพื่อจุดประสงค์ดังต่อไปนี้

  1. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทในการให้บริการด้านสินเชื่อ ตั้งแต่ (ก) การให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องแก่ลูกค้าผู้ขอสินเชื่อในการสมัครขอวงเงินสินเชื่อ การยืนยันตัวตนของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ การพิจารณาอนุมัติและกำหนดเงื่อนไขสินเชื่อ (ข) การประสานงานการจัดทำใบเสนอราคา สัญญาสินเชื่อ หนังสือค้ำประกัน การจัดทำประกันภัย (ค) การปฏิบัติตามเงื่อนไขการเบิกใช้สินเชื่อ การชำระค่างวดจนกว่าจะมีการชำระคืนสินเชื่อครบถ้วนเต็มจำนวน และ (ง) เพื่อดำเนินการติดตามทวงถามหนี้ โดยบริษัท เพื่อเรียกคืนเงิน ติดตามทรัพย์สินกลับคืนจากลูกค้า และการจัดการกับบัญชีของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อตามสถานะของลูกค้าดังกล่าว ซึ่งอาจรวมถึงการยื่นฟ้องลูกค้าที่ค้างชำระ การดำเนินคดีหรือกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อไว้ตลอดระยะเวลาที่บริษัทและลูกค้าผู้ขอสินเชื่อยังมีสิทธิหน้าที่ภายใต้สัญญาสินเชื่อที่เกี่ยวข้อง ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามการร้องขออื่นที่ลูกค้าผู้ขอสินเชื่ออาจแจ้งมายังบริษัท และตลอดระยะเวลาการบังคับสิทธิเรียกชำระคืนสินเชื่อทั้งหมดที่บริษัทให้แก่ลูกค้าผู้ขอสินเชื่อนั้น

  1. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารบัญชีภาษี บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยอ้างอิงเอกสารแสดงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ ทั้งนี้ บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม รักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวไว้ตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้
  2. เพื่อการปกป้องและใช้สิทธิประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท โดยรับประกันไม่ให้กระทบสิทธิของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมากเกินสมควร บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ (ก) เพื่อการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการตลาด การจัดทำข้อเสนอในการขายผลิตภัณฑ์และให้บริการของบริษัทที่มีอยู่และที่จะได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ และ (ข) เพื่อการปกป้องและป้องกันสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ในการต่อสู้เรียกร้องสิทธิในกรณีเกิดข้อพิพาทระหว่างบริษัทและลูกค้าแต่ละท่าน ทั้งนี้เพื่อจุดประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อการปกป้องสิทธิ ภายใต้อายุความที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย และตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการทำธุรกิจของบริษัทโดยไม่กระทบสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเกินความจำเป็น
  3. กรณีที่ลูกค้าผู้ขอสินเชื่อให้ความยินยอมเป็นกรณีเฉพาะ บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ ในการติดต่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่าง ๆ ของบริษัทที่ลูกค้าผู้ขอสินเชื่ออาจสนใจ สำหรับกรณีนี้บริษัทจะเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะถอนความยินยอม

 

การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งและ/หรือชิปปิ้งของบริษัท เจเอสเอสอาร์ โลจิสติกส์ จำกัด

สำหรับลูกค้าที่สนใจใช้บริการของ บริษัท เจเอสเอสอาร์ โลจิสติกส์ จำกัด บริษัทดังกล่าวมีความจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ได้แก่ (1) ชื่อนามสกุล ข้อมูลบัตรประชาชน ข้อมูลติดต่อของลูกค้าหรือตัวแทนนิติบุคคลของลูกค้า เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เป็นต้น (2) สำเนาเอกสารแสดงตนยืนยันการใช้บริการขนส่งหรือชิปปิ้งหรือบริการอื่นใดที่เกี่ยวข้องของลูกค้าบุคคลธรรมดา หรือของกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของลูกค้านิติบุคคล (3) ข้อมูลการชำระเงินค่าบริการ ซึ่งกรณีลูกค้าบุคคลธรรมดาอาจรวมถึง ข้อมูลหลักฐานการชำระเงิน บัญชีธนาคาร หรือข้อมูลบัตรเครดิต เป็นต้น (4) ข้อมูลและเอกสารอื่นที่บริษัทและลูกค้าจำเป็นต้องนำส่งตามแบบฟอร์มของหน่วยงานราชการ และ (5) ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่ลูกค้าอาจให้แก่บริษัทเพื่อการติดต่อ ประสานงานระหว่างลูกค้าและบริษัท

บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามที่ระบุไว้ เพื่อประโยชน์หลัก ได้แก่

  1. การจัดทำสัญญาบริการหรือใบแจ้งหนี้/เอกสารยืนยันการใช้บริการขนส่ง ชิปปิ้ง และบริการอื่นที่เกี่ยวข้อง และเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้เงื่อนไขของสัญญาบริการหรือใบแจ้งหนี้/เอกสารยืนยันการใช้บริการดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการยืนยันการชำระราคา การติดต่อประสานงานระหว่างการให้บริการขนส่งสินค้า และการให้บริการทั้งหมด ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อตกลงสัญญาหรือใบแจ้งหนี้/เอกสารยืนยันการใช้บริการโดยบริษัทให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว บริษัทมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ตลอดระยะเวลาที่ยังมีภาระหน้าที่ต้องดำเนินการระหว่างบริษัทและลูกค้าดังกล่าว
  2. การจัดทำเอกสารบัญชีและภาษี (ซึ่งอาจรวมถึงการดำเนินพิธีการศุลากรและการชำระภาษีนำเข้า) ซึ่งบริษัทอาจมีความจำเป็น ในการจัดทำเอกสารดังกล่าว โดยอ้างอิงเอกสารแสดงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยบริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม รักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้เป็นระยะเวลาตามกรอบที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด
  3. การปกป้องและใช้สิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทที่อาจมีต่อลูกค้าภายใต้ข้อตกลงการให้บริการดังกล่าว กรณีเกิดข้อพิพาทหรือการทุจริตในกระบวนการการให้บริการ ทั้งนี้ บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าดังกล่าวไว้เพิ่มเติมเป็นระยะเวลาตามอายุความที่เกี่ยวข้อง (สูงสุด 10 ปี) และ
  4. กรณีที่ลูกค้าให้ความยินยอม กลุ่มบริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ที่เฉพาะที่ลูกค้าให้ความยินยอมเฉพาะดังกล่าว เช่น การใช้ข้อมูล เพื่อใช้ในการติดต่อประชาสัมพันธ์ทำการตลาดกับลูกค้า จนกว่าลูกค้าจะถอนความยินยอม

การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

โดยหลัก ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อจะไม่ถูกเปิดเผยหรือส่งต่อให้แก่ บุคคลภายนอก เว้นแต่กรณีจำเป็นที่บริษัทอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อให้แก่ บุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้

  1. ผู้ให้บริการภายนอกที่บริษัทว่าจ้าง และรวมถึงบริษัทในกลุ่มอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ภายใต้สัญญาที่แต่ละบริษัทต้องดำเนินการให้แก่ลูกค้า ผู้ขอสินเชื่อ หรือที่กลุ่มบริษัทว่าจ้างเพื่อให้บริการการดำเนินธุรกิจแก่กลุ่มบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ที่ปรึกษาของกลุ่มบริษัท บริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต ผู้ค้ำประกัน ผู้ให้บริการการติดตามทวงถามหนี้และการยึดทรัพย์สิน บริษัทผู้ให้บริการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และอาจรวมถึงบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทรับประกันที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลภายนอกดังกล่าว เฉพาะเท่าที่จำเป็น ตามกรอบเงื่อนไขการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะได้จัดทำ และลงนามร่วมกับผู้ให้บริการภายนอกดังกล่าว และภายใต้กรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งต่อข้อมูลให้แก่บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เท่าที่มีผลบังคับใช้)
  2. กรณีการจัดทำสัญญาซื้อขายต่อเนื่องจากผู้ขายที่ขายสินค้าแบบฝากขาย (Consignment) กรณีของ บริษัท เจเอสเอสอาร์ อ๊อกชั่น จำกัด บริษัทดังกล่าวอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ชนะการประมูลให้แก่ ผู้เป็นเจ้าของสินค้าเดิม เพื่อรับประกันการดำเนินธุรกรรมการซื้อขายและส่งมอบสินค้าให้สำเร็จ ภายใต้เงื่อนไขของสัญญาดังกล่าวที่กำหนดไว้
  3. หน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่กลุ่มบริษัทอาจมีหน้าที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่หน่วยงานนั้นตามกฎหมาย หรือตามคำสั่งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเปิดเผยและส่งต่อข้อมูลของลูกค้าให้แก่บุคคลนั้น เช่น กรมศุลกากร กรมสรรพากร เป็นต้น
  4. กรณีที่ลูกค้าให้ความยินยอม กลุ่มบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลที่ลูกค้าระบุไว้เป็นการเฉพาะ

มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคล

กลุ่มบริษัทรับประกันจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทจะทบทวนมาตรการดังกล่าวเป็นระยะ เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมตามมาตรฐานในอุตสาหกรรมและการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

สิทธิของเจ้าของข้อมูล

กลุ่มบริษัทเคารพสิทธิตามกฎหมายของลูกค้าในฐานะเจ้าของข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในการควบคุมของกลุ่มบริษัท โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิที่มีดังต่อไปนี้ได้ตามกรอบของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (1) สิทธิเพิกถอนความยินยอม (2) สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล (3) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (4) สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่กลุ่มบริษัททำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น (5) สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (6) สิทธิขอให้ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เมื่อข้อมูลนั้นหมดความจำเป็น (7) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้

ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับนโยบายฉบับนี้ หรือติดต่อเพื่อใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยกลุ่มบริษัทจะแจ้งผลการพิจารณาคำร้องของท่านให้ทราบภายในระยะเวลาที่เหมาะสมตามกรอบกฎหมาย กรุณาติดต่อบริษัทที่ [email protected]