นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลผู้ขายสินค้า

เพื่อให้ บริษัท เจเอสเอสอาร์ อ๊อกชั่น จำกัด (“บริษัท”) สามารถดำเนินกระบวนการติดต่อประสานงานเพื่อดำเนินการซื้อขายสินค้าของท่านทั้งในลักษณะการฝากขาย (Consignment) หรือลักษณะการขาย (Sale) เพื่อเข้าร่วมการประมูลหรือการขายโดยตรงให้แก่บริษัทได้ กรุณาศึกษานโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (“นโยบาย”) อย่างละเอียด ก่อนที่ท่านจะส่งข้อมูลติดต่อ โดยเฉพาะข้อมูลทรัพย์สินที่จะขาย และข้อมูลอื่นให้แก่บริษัท ทั้งนี้ บริษัทตกลงจะรักษาข้อมูลทั้งหมดตามมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยโดยสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประมวลผล

ในระหว่างกระบวนการติดต่อสื่อสาร และการจัดทำสัญญาซื้อขาย สัญญาฝากขาย ใบเสนอราคา หรือใบสั่งซื้อ ระหว่างบริษัทและท่าน ในฐานะผู้ขาย ("ผู้ขาย”) บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือบุคคลที่อยู่ในสังกัดของท่านจากท่าน (1) โดยตรง ตามข้อมูลในเอกสารเสนอของท่าน การสนทนาติดต่อสื่อสาร (2) อาจได้รับจากบุคคลอื่นที่อาจแนะนำท่านมายังบริษัท หรือ (3) จากการตรวจสอบสอบทานข้อมูลของท่านจากหน่วยงานทะเบียนทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมีความจำเป็นต้องประมวลผลในกระบวนการดังกล่าวอาจรวมถึง ข้อมูลดังต่อไปนี้

1.         ชื่อนามสกุล ข้อมูลบัตรประจำประชาชนของผู้ขายที่เป็นบุคคลธรรมดา หรือของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม ผู้รับมอบอำนาจ หรือตัวแทน (“ตัวแทน”) ของผู้ขายที่เป็นนิติบุคคล รวมถึงข้อมูลการติดต่อ อาทิ ที่อยู่ สถานที่ติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล และอาจรวมถึงข้อมูลเอกสารแสดงตัวตนของบุคคลดังกล่าว

2.         ข้อมูลการชำระเงินกรณีผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดา อาทิเช่น บัญชีธนาคาร ใบเสนอราคา ประวัติการเบิกจ่ายเงินต่าง ๆ โดยผู้ขายรายนั้น

3.         ข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินที่ผู้ขายที่เป็นบุคคลธรรมดา ต้องนำส่งเพื่อนำเสนอสินค้าให้บริษัทพิจารณาคุณสมบัติก่อนการทำสัญญา

ในกรณีที่ผู้ขายที่เป็นนิติบุคคลนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของตัวแทนของตนให้แก่บริษัท บริษัทจะถือว่า ผู้ขายต้นสังกัดนั้นรับประกันสิทธิในการส่งต่อและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตัวแทนดังกล่าวให้แก่บริษัท และบริษัทย่อมมีสิทธิในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลเหล่านั้นได้สมบูรณ์ภายใต้นโยบายฉบับนี้ ซึ่งจะมีผลผูกพันต่อผู้ขายดังกล่าวเช่นกัน

วัตถุประสงค์และระยะเวลาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของผู้ขาย เพื่อวัตถุประสงค์ ดังนี้

1.     การตรวจสอบสิทธิของผู้ขายที่มีเหนือทรัพย์สินที่เสนอมา การตรวจสอบความเหมาะสมของสินค้าที่ซื้อขาย รวมถึงการติดต่อประสานงานกับผู้ขายระหว่างกระบวนการดังกล่าว ทั้งนี้หากสินค้าใดไม่ได้รับการซื้อ บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเก็บรักษาข้อมูลของผู้ขายดังกล่าวไว้ต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ของการตรวจสอบภายในของบริษัทเป็นระยะเวลา 1 ปีปฏิทินนับจากเสร็จสิ้นกระบวนการติดต่อซื้อขายนั้น

2.     การจัดเตรียมสัญญา รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทและของผู้ขาย ภายใต้สัญญาซื้อขาย สัญญาฝากขาย ใบเสนอราคาหรือใบสั่งซื้อที่ลงนามระหว่างผู้ขายกับบริษัท โดยเฉพาะการติดต่อประสานงานระหว่างการส่งมอบสินค้าให้แก่บริษัท หรือให้แก่ผู้ซื้อสินค้าดังกล่าว

3.     การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท โดยเฉพาะการทำบัญชีและชำระภาษี ในกรณีผู้ขายที่เป็นบุคคลธรรมดา

4.     การคุ้มครองสิทธิประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เมื่อต้องดำเนินการบังคับหรือต่อสู้สิทธิต่อผู้ขายที่อาจปฏิบัติไม่สอดคล้องหรือละเมิดหน้าที่ที่กำหนดไว้ภายใต้สัญญาที่เกี่ยวข้อง

เพื่อวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุไว้ดังกล่าว บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ขายทั้งหมดไว้ ตลอดระยะเวลาของสัญญาซื้อขายหรือสัญญาฝากขายแต่ละฉบับ และเพื่อประโยชน์ในการปกป้องสิทธิของบริษัทภายใต้สัญญาที่เกี่ยวข้อง บริษัทสงวนสิทธิ์ที่จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของผู้ขายไว้เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมตามกำหนดอายุความที่เกี่ยวข้องสูงสุด 3 ปีภายหลังจากสิ้นสุดภาระในการซื้อขายทั้งในลักษณะของการฝากขายหรือซื้อขายโดยตรง และในกรณีที่บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายในการประมวลผลข้อมูล บริษัทมีความจำเป็นต้องรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ขายไว้ตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายดังกล่าวกำหนด

การเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ขาย

โดยหลักการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ขายจะไม่ถูกเปิดเผยให้แก่บุคคลภายนอก ยกเว้นในกรณีที่จำเป็น บริษัทอาจต้องเปิดเผยและ/หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ขายให้แก่บุคคลภายนอก ดังนี้

1.     เปิดเผยให้แก่ผู้ซื้อสินค้าจากบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าโดยตรง หรือการซื้อผ่านการเข้าร่วมประมูล โดยเฉพาะในกรณีการฝากขาย (Consignment) ซึ่งบริษัทต้องเปิดเผยและ/หรือส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ขายทั้งหมดให้แก่ผู้ซื้อสินค้าดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการจัดทำและดำเนินธุรกรรมการซื้อขายระหว่างผู้ซื้อสินค้าและผู้ขายดังกล่าวให้สำเร็จ โดยบริษัทในฐานะตัวกลางในการจัดการซื้อขายดังกล่าว ตกลงจะส่งต่อเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ขายให้แก่ผู้ซื้อในกรณีดังกล่าวเพียงเท่าที่จำเป็น

2.     เปิดเผยให้แก่ผู้ให้บริการภายนอกของบริษัท ซึ่งบริษัทอาจว่าจ้างให้ปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทที่อาจมีกับผู้ขาย หรือว่าจ้างเพื่อการประกอบธุรกิจทั่วไปของบริษัท รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง บริษัทในเครือ บริษัทที่ปรึกษา หรือบริษัทตรวจสอบบัญชี เป็นต้น โดยบริษัทจะดำเนินการส่งต่อเปิดเผยข้อมูลของผู้ขายให้แก่บุคคลดังกล่าว บนหลักการเท่าที่จำเป็น ภายใต้กรอบข้อตกลงสัญญาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างบริษัทและบุคคลภายนอกดังกล่าวเท่านั้น และ

3.     เปิดเผยให้แก่หน่วยงานราชการ ซึ่งบริษัทอาจมีหน้าที่ตามกฎหมาย คำพิพากษา หรือคำสั่งของหน่วยงานราชการให้เปิด เผยข้อมูลดังกล่าวโดยบริษัทจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นตามหน้าที่ดังกล่าวเท่านั้น

สิทธิของผู้ขายในฐานะเจ้าของข้อมูล

บริษัทเคารพสิทธิของผู้ขาย ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แก่ สิทธิเพิกถอนความยินยอม สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัททำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิขอให้ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เมื่อข้อมูลนั้นหมดความจำเป็น สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ทั้งนี้ผู้ขายสามารถติดต่อมายังบริษัท กรณีมีข้อสงสัยหรือมีจุดประสงค์จะขอใช้สิทธิต่าง ๆ ได้ที่ E-mail : [email protected]